คราวนี้เครื่องจะถามขนาดกระดาษที่จะปรินท์ออกมา เครื่องฯ
จะล็อคให้เป็นกระดาษแนวนอนเท่านั้น ดังนั้นให้ตั้งถาดใดถาดหนึ่งเป็น A4R อาจจะเป็น Bypass
หรือตั้งค่าถาด
1 ใหม่ก็ได้ จะสะดวกกว่า ไม่ต้องเติมกระดาษหากต้นฉบับหนา ต่อจากนั้นให้ลองดูก่อน
ใส่ต้นฉบับ 2 ใบ นั่นคือ 4 หน้า เครื่องจะสแกนจนครบแล้วปรินท์ออกมา 1 แผ่น
หน้าหลัง ให้สังเกตว่าเลขหน้าตรงกันหรือไม่ ซึ่งไม่ตรงแน่นอน
เพราะเราตัดทิ้งไปหลายมิลลิเมตร ต้องเข้าไปที่ Special features > Shift
> No. Key Entry แล้วลองเลื่อนซ้ายหรือขวาทีละ 1 – 2 มิลลิเมตร ยกขึ้นส่องไฟเช็คเลขหน้า
หากตัวเลขตรงกันแล้วก็ นำต้นฉบับทั้งหมดใส่ไปได้เลย
เครื่องจะสแกนจนเสร็จทั้งหมดแล้วปรินท์ออกมา เป็นเย็บมุงหลังคา
ซึ่งหากต้นฉบับมีอยู่เล่มเดียว ไม่สามารถตัดได้ ก็ใช้วิธียืนกดบนกระจก เริ่มต้นเหมือนกัน
Special features > Booklet ไม่ต้องเลือก 2 Side Original ก็ได้ ต่อจากนั้นก็เลือกเหมือนกัน
ไม่ต้อง Shift แต่ตอนยืนกด อย่าให้ใครมาทำลายสมาธิ เพราะต้องกดรวดเดียวให้หมดเล่ม
หน้าคู่เป็นหน้าขาวก็ต้องกด เครื่องฯ ถึงจะคำนวณออกมาเป็น Booklet ได้อย่างถูกต้อง
ต่อมาต้นฉบับ B5 มันเล็กกว่า A4 ปกติถ้าตัวเลือกแรก
เราจะตัดต้นฉบับ แล้วยัดฟีด ใช้คำสั่ง Shift อย่างเดียว
เลื่อนซ้ายประมาณ 13 มิลลิเมตร เลื่อนลงล่างอีก 10 – 15 แล้วแต่ความสวยงาม
แต่พอมาเจอต้นฉบับที่มีอยู่เล่มเดียว ตัดสันไม่ได้ โชคดีที่คุณชนินทร์ สอนราช ปรมาจารย์ด้านถ่ายเอกสาร
แวะมาส่งอะไหล่ที่ร้าน เห็นแล้วขัดหูขัดตา เลยถ่ายทอดวิชาให้เป็นธรรมทาน
เริ่มจากเข้า Special features ไปที่ Frame Erase ก่อน เพื่อเลือกขนาดต้นฉบับ
เลือก Original Frame Erase เลือก Original Size เป็น B5
เครื่องจะถามว่าจะตัดขอบกี่มิลลิเมตร
เลือกตามสูตรคุณชนินทร์เลย คือ บน 4 ซ้าย 12 ขวา 4 ล่าง 4 มิลลิเมตร เพื่อให้ขอบด้านซ้ายไร้รอยดำจากต้นฉบับเล่มหนาๆ
เวลากดเล่มบนกระจกนั่นเอง
เลือกต้นฉบับแล้วก็จัดการเลื่อนมาให้อยู่กลาง A4 โดยใช้คำสั่ง Shift
ตามสูตรคุณชนินทร์คือ
ซ้าย 13 มิลลิเมตร ส่วนเลื่อนลงล่าง คุณชนินทร์ให้นำต้นฉบับวางชิดขอบบนกระจก
แล้วใช้ไม้บรรทัดมาวัดขอบกระดาษ จากสันล่างของต้นฉบับ ลงมาสุดทางที่ A4 บนกระจก แล้วหาร
2 เพื่อให้อยู่กลางจริงๆ ซึ่งค่าตัวเลขก็จะอยู่ประมาณ 19 – 20 มิลลิเมตร
แล้วแต่ต้นฉบับ หลังจากได้ขนาดต้นฉบับต่อจากนั้นไปเลือกที่ Two-Side Mode เลือก 1 – 2 Side
เพื่อถ่ายเป็นหน้า-หลัง
เข้าไปที่ Option เลือกเป็น Calendar type เนื่องจากเราได้ตั้งค่าการถ่ายฯ ไว้ที่ B5
โดยตัดขอบด้านซ้ายไว้
12 มิลลิเมตร
เหตุผลที่เลือก Calendar type เนื่องจากเครื่องถ่ายฯ โดยทั่วไป ไม่ได้มาร์คจุด B5
เอาไว้ เราตั้ง Original Frame Erase ไว้เป็น B5 เพื่อความชัวร์
เวลายืนกดบนกระจก หน้าคี่ ขอบกระดาษบนจะชิดมุมบนซ้าย เหมือนกดเล่มบนกระจกตามปกติ
แต่หน้าคู่ เราจะกลับต้นฉบับเอาหัวลง เอามุมล่างขวาชิดขอบซ้ายบน
เหมือนกับถ่ายหน้าคี่ ด้านที่เป็นสันจะอยู่ชิดขอบด้านซ้ายทั้งหน้าคู่และหน้าคี่
ซึ่งเราตั้งค่าการตัดขอบไว้ที่ 12 มิลลิเมตรอยู่แล้ว ดังนั้น
รอยดำจากสันหนังสือจะไม่ปรากฏมารบกวนบนต้นฉบับของเรา ... งานที่ออกมาก็จะกลับหัวไปด้านเดียวกันตามที่เราตั้ง
calendar type เอาไว้ ซึ่งงานนี้ต้องขอบคุณอย่างแรง สำหรับปรมาจารย์ ชนินทร์ สอนราช
พบกับเขาได้ใน Facebook กลุ่มศูนย์ถ่ายเอกสาร ได้ทุกเวลาที่ http://www.facebook.com/groups/200235490076691/
พอได้ต้นฉบับมาก็อย่ารอช้า ยัดฟีด วิ่งจำนวนไปเลย สวรรค์ของร้านถ่ายเอกสาร
คืองานจำนวน ไม่เคยมีใครเปิดร้านถ่ายเอกสารโดยหวังจะได้รับงานบ้านๆ ถ่ายบัตรฯ
ถ่ายทะเบียนบ้าน ฯลฯ งานชุดสองชุด ... เพราะงานของเรา กำไรอยู่ที่จำนวน
ไม่ได้อยู่ที่ราคาถ่ายเอกสาร ลูกค้าเข้าร้าน 100 คน ถ่ายเอกสารคนละ 1 ชุด ชุดละ 10
หน้า เทียบกับลูกค้าคนเดียว ถ่ายเอกสาร 10 หน้า 100 ชุด เลือกเอาว่าชอบแบบไหน
คนที่เข้าใจยาก งงเป็นไก่ตาบอดครับท่าน....แต่ผมพอรู้เรื่องครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณที่เข้าใจบทความผมเช่นกันครับ ผมจดไว้กันลืม บางทีกลับมาอ่านเองอีกที ก็งงเหมือนกันครับ ... ขอบคุณมากครับ
ลบ