Traditional Businesses are struggling to recover from the economic
downturn. They will need to shift their focus from profits to authentic social
engagement to have meaningful impact in the world.
... “ธุรกิจแบบเดิมๆ กำลังดิ้นรนฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
พวกเขาจะต้องมุ่งความสนใจจากผลกำไรไปยังการมีส่วนร่วมทางสังคมที่แท้จริง
เพื่อให้ได้ผลกระทบที่มีความหมายต่อโลก” ...
ผมเห็นด้วยกับถ้อยวลีของคุณ Umair Haque ผู้แต่งหนังสือ The new
Capitalist Manifesto : Building a Disruptively Better Business อย่างยิ่งยวด ... ทั้งนี้เนื่องจาก
การที่ผมเขียนบล็อกนี้ขึ้นมา ก็ไม่ได้หวังจะร่ำรวยจากการเขียนบทความ เพื่อเผยแพร่ลงในบล็อก
“สลิลสไมล์” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทุกๆ บทความ ที่ผมเขียน รวมทั้งรูปภาพทุกภาพที่ผมถ่าย
จะต้องได้รับผลตอบแทนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นค่าข่าว ค่าเขียนสารคดี ค่าถ่ายภาพ หรือแม้แต่เงินเดือน
...
ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา บทความที่ผมเขียน ตีพิมพ์ในหนังสือหลายต่อหลายเล่ม
(ที่ได้รับการตอบแทนในรูปแบบต่างๆ) ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ The Nation (Fucus), กรุงเทพธุรกิจ
(จุดประกายล้านนา), วารสาร MAP (Migrant Assistance
Program), วารสารทองกวาว ข่าวสารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ วารสารลูกช้างสัมพันธ์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ... ทั้งนี้หลายบทความ ไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินตรา
แต่มีคุณค่าทางจิตใจมากมาย
เมื่อไม่นานมานี้ ต้องขอได้รับความขอบคุณเป็นอย่างมากจากคุณ PuNn Anirut Lalla NetCopy เพื่อนใน face book ที่แอบกระซิบมาว่า พบเห็นบทความของผมในบล็อก
พร้อมรูปภาพที่ผมถ่าย ถูกนำคัดลอกไปวางยังบล็อกอื่น ... ซึ่งในทีแรกผมออกจะดีใจด้วยซ้ำไป
เพราะทุกบทความที่ผมเขียนขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นบทความที่รวบรวมจากประสบการณ์อันน้อยนิดของช่างมือสมัครเล่นในวงการ
ที่เขียนขึ้นเพื่อสร้างมิตรภาพอันดี ระหว่างเพื่อนผู้ประกอบการร้านถ่ายเอกสาร ... โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนร่วมอาชีพ
เพื่อนร่วมชะตากรรม
ซึ่งผมทราบดีว่าสถานการณ์อันน่ารันทนขณะที่เครื่องเสียแล้วเราแก้ปัญหาไม่ได้นั้นเป็นอย่างไร
ในเมื่อมีคนเห็นความสำคัญ คัดลอกออกไปเพื่อร่วมกันเผยแพร่ให้เพื่อนๆ
ที่เป็นน้องใหม่ในวงการ ได้ทราบถึงการแก้ไขปัญหาเล็กๆ น้อยๆ
เกี่ยวกับอุปกรณ์ทำมาหากินของเรา เป็นใครก็ดีใจ ... หลายคนโพสต์บอกขอคัดลอกเพื่อนำไปเผยแพร่
ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์ ... ขอเรียนทุกท่านทราบด้วยความเคารพว่า
ผมรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะบล็อกน้อยๆ บล็อกนี้ ผมเขียนขึ้นมาค่อนข้างจะสัพเพเหระด้วยซ้ำ
หนูกัดสายไฟ เอาแมวมาเลี้ยงแล้วจับหนูได้ก็เอามาเขียนบอกชาวบ้าน ...
แล้วมีคนสนใจเข้ามาอ่าน ... ตื้นตันใจมากอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
โดยสันดานแล้ว ผมเติบโตมาในวงการกระดาษเปื้อนน้ำหมึก
นักเขียนนักข่าวรุ่นอาวุโส สอนผมอยู่เสมอว่า ก่อนที่คุณจะเขียนได้ คุณต้องอ่านก่อน
... หลายวลี หลากถ้อยคำ ที่ผมชื่นชอบผมก็มักจะจดจำไว้ ถ้าจำไม่ได้ก็ต้องจด ก็ไม่ต่างอะไรกับการคัดลอก
Ctrl+C แล้วเอามา Ctrl+V
เผยแพร่ ... แรกเริ่มเดิมที ก่อนที่ผมจะเขียนบล็อกสลิลสไมล์นี้ ผมมีบล็อกเกี่ยวกับเรื่องที่ผมชอบอีกเรื่องหนึ่งคือ
http://www.setnewsupdate.blogspot.com ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับหุ้น
... ผมก็คัดลอกข่าว บทความต่างๆ ที่เกี่ยวกับหุ้นตัวที่ผมเล่นอยู่มาเผยแพร่
มีบทความที่ผมเขียนเองอยู่ไม่ถึงร้อยบทความ จากทั้งหมดพันกว่าบทความ ..
ที่เหลือเป็นข่าวที่ผมคัดลอกมา
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยลืม คือการให้เครดิตกับสำนักข่าว
หรือที่มาของข่าวนั้น ถือเป็นมรรยาททางสังคมอย่างหนึ่ง เป็นกฎ กติกา มรรยาท ที่เรามักพบเห็นได้บ่อยในทุกสังคม
ซึ่งมิใช่เพียงเพื่ออ้างอิงความถูกผิดของบทความเพื่อปัดภาระความรับผิดชอบ แต่เป็นการให้เครดิตของผู้เขียน
ประหนึ่งการเขียนวิทยานิพนธ์ ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาของความรู้ เพื่อจะนำมาต่อยอดความรู้ต่อไปทางสหสาขาวิชา
อันจะนำมาซึ่งนวัตกรรมความรู้ทางวิชาการใหม่ๆ ที่จะสร้างสรรค์จรรโลงโลกและสังคมให้ก้าวหน้าต่อไปได้
ผิดหวังอยู่ไม่น้อย ที่จารชนผู้คัดลอกบทความของบล็อกสลิลสไมล์ไปนั้น มิได้มีการบอกกล่าวเพื่อขออนุญาตนำบทความไปเผยแพร่แม้สักน้อยนิด
อีกทั้งเป็นบล็อกที่แสวงหาผลประโยชน์จากบทความที่คัดลอกไป รวมทั้งไม่มียางอายระบุ Byline ว่าบทความนี้ เค้าผู้นั้นเป็นคนเขียนขึ้นมา
... ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่า สมัยยังเป็นเด็กไม่ประสีประสา คงจะโดนแย่งของเล่นอยู่เป็นนิตย์
เมื่อเติบโตมาวุฒิภาวะทางปัญญาก็ยังไม่สมบูรณ์ ต้องคอยซ่อนคอยแอบเล่นของเล่น
เพราะกลัวจะโดนแย่งของเล่นไปอีก ...
น่าสงสาร ... แทนลูกค้าที่ซื้อเครื่องไปจากผู้ประกอบการรายนี้
เพราะคงไม่มีปัญญาจะดูแลเครื่องให้คุณได้ ... น่าเสียดาย ... ที่คนขายเครื่อง
ไม่มีปัญญาจะถ่ายทอดวิชาการดูแลเครื่องเบื้องต้นให้ลูกค้าได้ จนต้องลักกินขโมยกิน ...
และที่น่าสมเพชที่สุด ... คือบุพการี ที่ไม่มีวิธีจะสอนสั่งให้ทายาท
รับทราบมรรยาททางสังคม ...
เค้าจะเป็นคนขี้อายไปตลอดชีวิต .. เพราะเค้าอายที่จะบอกใครว่าเค้าคัดลอกบอกความมาจากใคร
... ทั้งที่ในโลก Cyber เป็นเพียงโลกเสมือน ที่แทบไม่มีผลกับชีวิตความเป็นอยู่ในชีวิตจริง
วันนี้งานที่ร้านเริ่มเบาบาง พอมีเวลาถ่ายภาพงาน Upload ลง www.facebook.com/slinsmile
ได้บ้าง ... จากที่ผ่านมาต้องทำงานนาทีต่อนาที ... อยากมีเวลาว่างปั่นจักรยานบ้าง
เลยเอาออกมาปัดฝุ่นเตรียมไว้ ไหนๆ ก็ไหนๆ ไม่ได้ปั่นมาหลายเดือน ขอลองปั่นเอางานไปส่งลูกค้าสักหน่อย
... ก็รู้สึกดี ... หากเราจะช่วยมีส่วนร่วมทางสังคมโลกได้สักน้อยนิด ลดมลพิษให้สังคมได้สักนิดนึง
... โลกก็คงจะรักเราบ้าง ... The
earth sends a little extra love to those on bicycles. (อย่าคิดว่าผมเก่ง ผมลอกเค้ามาครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น