ไม่มี “กระดาษ” เมื่อวันนั้น ก็ไม่มี “เครื่องถ่ายเอกสาร” ในวันนี้


เมื่อมนุษย์เริ่มมีอารยธรรม การจดจารึก บันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอ ถ่ายทอดให้แก่ผู้พบเห็น เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกเพื่อ เป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ทางองค์ประกอบต่างๆ ของสังคมที่เค้าพบเห็น ตลอดจนอธิบายความซับซ้อนของระบบสังคมในยุคนั้น ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้แก่บุคคลอื่น ปรากฏเป็นการสื่อสารผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นมนุษย์ถ้ำดึกดำบรรพ์ เข้าป่าล่าสัตว์ ถ่ายถอดเรื่องจริงผ่านผนังถ้ำ เรื่อยมาจนถึงการถ่ายทอดวิถีแห่งการเรียนรู้ พัฒนาสู่รูปแบบของอักษรภาพสัญลักษณ์ วิวัฒนาการสู่การเป็นตัวอักษรเชิงภาพ และตัวอักษรที่อ่านออกเสียงได้ จนกลายมาเป็นภาษาเขียนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้

ยาวนานคล้ายบทเพลง “Blowing in the wind” จาก Bob Dylan จากฝาผนังถ้ำ เรื่อยมาสู่ผนังบ้าน .. อ๊ะ ไม่ใช่ เรากำลังพูดกันถึงเรื่อง ทฤษฎีการสื่อสาร เพื่อให้ได้มาซึ่งการสื่อสารที่ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการให้ข้อมูลข่าวสาร Information การให้ความรู้ Education การให้ความบันเทิง Entertainment และการโฆษณาบอกกล่าวเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า  Advertisement  สิ่งสำคัญยิ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวของมวลมนุษยชาติ ในยุคหลังๆ แค่ไม่กี่พันปีก่อนหน้านี้ นั่นคือการกำเนิดของ “กระดาษ” ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าไม่มีกระดาษในวันนั้น ก็จะไม่มี “เครื่องถ่ายเอกสาร” ในวันนี้ รวมทั้ง ไม่มีบล็อคนี้เขียนขึ้นมาอีกด้วย



มนุษย์ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านผนังถ้ำมานมนาน จนกระทั้งมนุษย์เริ่มคิดได้ว่าผนังถ้ำย้ายยาก จะเอาไปอวดไปแชร์เพื่อนฝูงก็ไม่ได้ มนุษย์จึงเริ่มขีดเขียนผ่านแผ่นศิลา ซึ่งเพรียวบางกว่าผนังถ้ำ จะยกจะย้ายไปอวดเพื่อน ก็ง่ายกว่าอุ้มเพื่อนมาดูในถ้ำ แต่กระนั้นเองก็ยังหนักอยู่ดี จะเปลี่ยนเป็นหนังสัตว์หรือแผ่นไม้ก็ดูดี แต่ก็ยังไม่ใช่ ก็เลยมาคิดใหม่ทำใหม่ ทำไงให้มันบางเบาลง จนเมื่อประมาณ 5000 ปีก่อน ชาวอียิปต์ก็ได้เรียนรู้การทำกระดาษแผ่นบางขึ้นมาจากต้นอ้อ หรือ Reed อีกชื่อหนึ่งชาวกรีกเรียก Cyperus papyrus ซึ่งคำว่า Papyrus นี้เอง ได้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของคำว่า Paper หรือกระดาษในปัจจุบัน

กระดาษ Papyrus ของชาวอียิปต์ทำขึ้นโดยการปอกต้นอ้อเป็นริ้วยาวๆ นำมาวางสานกันไปมาบนพื้นผิวเรียบและแข็ง จากนั้นใช้น้ำหนักกดทับให้เป็นแผ่นซึ่งอาจมีการขัดผิวให้เรียบโดยการใช้หินขัด เรียกได้ว่าเป็นวิทยาการที่สุดยอดในยุคนั้น ไม่ต่างกับ Steve Jobs ค้นพบ Apple เลยทีเดียว แต่กระนั้นเองเทคโนโลยีการถ่ายทอดเรื่องราวก็วิวัฒนาการลองผิดลองถูกกันไปเรื่อย  แต่ที่ใช้เป็นกระดาษเป็นแผ่นจริงๆ  จุดกำเนิดเริ่มต้นที่เอเชียของเราเมื่อ 2000 กว่าปีที่แล้วนี่เอง

นักประดิษฐ์ชาวจีน ในยุคแรกได้นำเศษพืชชนิดต่างๆ รวมไปถึงเศษต่างๆ ที่หาได้รอบตัวไม่เว้นแม้แต่ เศษผ้าขี้ริ้ว มาต้มและทุบให้เปื่อย แล้วนำมาเกลี่ยบนตะแกรง ปล่อยให้น้ำไหลออกมาแล้วบดอัดให้แห้ง กลายมาเป็นแผ่นกระดาษ ต่อยอดองค์ความรู้สืบต่อกันไปมา จนมาพบกับเปลือกในของต้นหม่อน หรือ Mulberry มีการทดลองนำต้นหม่อนมาต้ม แล้วนำไปแช่ในน้ำด่าง ตากแดดและล้างให้สะอาด ก่อนจะนำไปต้มอีกครั้ง 8 วัน 8 คืน แล้วนำเยื่อไปผสมกับน้ำ ต่อจากนั้นเกลี่ยบนตะแกรงแล้วนำไปตากแดด ซึ่งหลักการนี้คือการทำกระดาษสาในปัจจุบันบ้านเรานั่นเอง

กลับมาประเทศไทยบ้านเรากันบ้าง ในอดีตประเทศไทยมีกระดาษที่เรียกว่า "สมุดไทย" ที่ผลิตจากเยื่อไม้ทุบละเอียดแล้วต้มจนเปื่อย เป็นกระดาษที่ใช้การพับทบไปมาคล้ายสมุด แต่มีความยาวมากกว่าหลายเท่า ส่วนคำว่ากระดาษในภาษาไทยไม่ปรากฏที่มาอย่างแน่ชัด แต่โดยพื้นฐานของคนไทยที่พยายามแสดงตนให้ผู้อื่นรู้ว่าเป็นผู้มีสติปัญญา มักนำคำจากภาษาต่างประเทศ สมัยนั้นไม่มีสายการบิน Low Cost ภาษาต่างประเทศก็มาจากประเทศที่เจริญแล้วในระแวกบ้าน แอบเอามาใช้ต่อส้นความรู้ของตนให้สูงขึ้น ทั้งบาลี สันสกฤติ  อินเดีย ชวา และ มลายู คำว่ากระดาษ ก็มาจากคำศัพท์ในภาษามลายู คือ Kertas แล้วเพี้ยนเป็นกระดาษนั่นเอง

สำหรับการเขียนจารึกบนผนังถ้ำหรือหน้าผาของไท ยเรา ... ตามตำรามีมาแต่โบราณเล่ากันว่า พระสังข์ทองเมื่อครั้งยังเป็นลูกน้อยหอยสังข์ ถูกพระเจ้าพรหมทัตลอยแพไปจมบาดาล พญานาคสงสารช่วยอุ้มใส่เรือส่งให้นางยักษ์พันธุรัตเลี้ยงดู นางก็ฟูมฟักลูกน้อยหอยสังข์ด้วยความรักยิ่งอย่างจริงใจ แต่พระสังข์โตมากลับดื้อไม่ฟังนางพันธุรัตแม่เลี้ยง แอบขึ้นไปบนปราสาทต้องห้าม ไปชุบตัวในบ่อเงินบ่อทอง แถมยังขโมยเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์ ของนางพันธุรัต เหาะหนีไปถึงหน้าผาคุ้งน้ำ นางพันธุรัตตามไป ร้องไห้อ้อนวอนให้พระสังข์กลับไปแต่พระสังข์ไม่ยอม นางพันธุรัตเสียใจถึงขั้นอกแตกตายต่อหน้าลูกเลี้ยงแสนรัก แต่ก่อนตายด้วยความรักลูกก็เขียนจารึกมนต์หาเนื้อหาปลาไว้ให้บนหน้าผา ...

กลายเป็นที่มาของพระสังข์เรียกเนื้อเรียกปลา ไปไล่ตัดจมูกตัดหูเขยทั้งเจ็ด ... แหม่ช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายหาใดเปรียบ ... ถ้าผมมีไลน์นางพันธุรัต ก่อนหัวใจสลายเพราะลูกรักแอบไปชุบตัวบ่อเงินบ่อทอง แถมยังขโมยวิเศษหลายอย่างไปเป็นของตัวเอง ผมจะไลน์ไปบอกนางพันธุรัตให้เลิกจารึกมนต์เรียกเนื้อเรียกปลา แล้วจารึกบนหน้าผาตัวโตๆ ว่า ... “โตไปไม่โกง” ...


2 ความคิดเห็น:

  1. FC ตามมาอ่านละครับ
    จารึกชื่อไว้บนกำแพงบล็อกแทนละกันนะพี่

    อิอิ

    ตอบลบ